มาเติมข้อมูลความรู้เรื่องประกันภัยกันหน่อย ในช่วงที่วัคซีนกำลังถูกทยอยฉีด ข่าววัคซีนไม่มาตามนัด ต้องถูกเลื่อน หรือเบรคลงทะเบียนหมอพร้อม สดๆร้อน วันที่ 26 พฤษภาคม 2564 หลังจากเปิดให้บริการแอพไปได้ 26 วัน แล้วอะไรบ้างที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเรา ในช่วงนี้ Q2ของปี64 ที่ดุเดือดไปด้วยยอดนิวไฮค์และการจัดการวัคซีนจากรัฐบาลที่ยังคงมีเพียง 2 ยี่ห้อ ที่คนไทยได้รับการอนุมัติให้ฉีด( Sinovac, AstraZeneca ) การมองหาประกันก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้เราลดความเสี่ยงระหว่างทางที่เราจะตัดสินใจรอวัคซีน หรือ จะไม่เลือกรับวัคซีนจนกว่าจะมั่นใจตัวที่จะฉีด
ดูแลสุขภาพชีวิตในทุกมิติกับ Summerteas
เทรนประกันปีนี้ มีทิศทางแตกต่างจากปีที่แล้ว อย่างไรบ้าง
-
- ชะลอ และเปลี่ยนเงื่อนไข ขายประกันประเภท” เจอ จ่าย จบ” ลดปรับเบี้ยเจอจ่ายจบ ไม่ใช่หลักแสนบาทแล้ว แต่เหลือเพียงหลักหมื่นบาท
- บริษัทปรับกลยุทธ์ ออกโปรดักต์ใหม่เน้นค่ารักษา-ชดเชยรายวัน-แพ้วัคซีน
- ถ้าติดแล้วต้องรักษาที่Hospitel ประกันก็รองรับแล้ว
ตลอดปี 63 มีคนในประเทศไทยติดเชื้อน้อย ยอดเคลมค่าสินไหมรวมกัน 100 กว่าล้านบาท ส่งให้บริษัทประกันภัยมีกำไรเป็นจำนวนมาก พอถึงต้นปี 64 ที่ออกจำหน่ายใหม่ บริษัทประกันปรับลดค่าเบี้ยลง 20% จากปีก่อน คนซื้อประกันส่วนใหญ่จะเป็นหน้าเดิมๆที่คุ้มครองครบอายุ 1 ปี ก็ซื้อแบบประกันใหม่ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือน มี.ค.64 มียอดขายรวมกัน 1.3 ล้านกรมธรรม์
แต่พอเริ่มเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เกิดกระแสโควิด-19 ระลอก 3 คนติดเชื้อเพิ่มขึ้นทะลุ 2,000 คนต่อวัน มีคนตายเพิ่มขึ้นมาก อีกทั้งมีกระแส “น้าค่อม ชวนชื่น” บวกกับหลังเทศกาลสงกรานต์คนกลับจากต่างจังหวัดมาทำงาน ตัวเลขคนติดเชื้อ-คนตาย สูงหลัก 1,000–2,000 คนปลายๆ
กลายเป็นจุดเริ่มต้นของบรรดา “คนกลัวตาย” รีบหาซื้อประกันโควิด-19 ดันยอดขายพุ่งขึ้นไปถึง 100,000 กรมธรรม์ต่อวัน เรียกได้ว่า เม.ย.เดือนเดียว ยอดขายรวมกัน 3 ล้านกรมธรรม์ ดันยอดขายประกันโควิด-19 สะสมทะลุ 14 ล้านกรมธรรม์
เมื่อคนแห่ซื้อประกันโควิด-19 มากขึ้น บริษัทประกันภัยก็ต้องมานั่งทบทวนหน้าตัก เงินกองทุนที่มีอยู่เพียงพอหรือไม่ หากขายประกันออกไปมากๆ และมียอดเคลมเข้ามามาก ก็จะมีผลกระทบต่อสถานะการเงินได้ เป็นเหตุให้บริษัทประกันหลายแห่งชะลอขายประกันโควิด-19 ประเภท “เจอ จ่าย จบ” โดยเฉพาะค่าเบี้ยประกัน 499 หรือ 599 บาท เจอโควิดรับไปเลย 100,000 บาท เจ็บป่วยโคม่า รับ 1 ล้านบาท ที่พอมีขายในตลาด จะเหลือแค่เน้นคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล การแพ้วัคซีน โดย “เจอ จ่าย จบ” ที่ยังพอมีในตลาดนั้น เบี้ยประกันจะสูงขึ้นและลดความคุ้มครองกรณีตรวจเจอโควิด-19 เหลือ 30,000-50,000 บาท
“การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก ไม่รู้ว่าอีก 3 เดือนข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างอยู่บนความเสี่ยง บริษัทประกันภัยก็ต้องดูหน้าตักดีๆ ดูแลเงินกองทุนให้ดี”
นิวไฮท์ทำคนซื้อประกันโควิดเฉลี่ยกว่าวันละแสนฉบับ
นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันพบว่ายอดขายประกันโควิดเข้ามาเฉลี่ยวันละกว่า 1 แสนกรมธรรม์ โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของเดือน เม.ย. 64 ยอดขายทะลักเข้ามาค่อนข้างมาก ตั้งแต่ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศทำสถิติทะลุหลัก 2 พันรายต่อวัน ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ในระดับกว่า 6 หมื่นรายแล้ว
ประเมินว่ายอดขายประกันโควิดเฉพาะเดือน เม.ย.น่าจะมากกว่า 3 ล้านกรมธรรม์ ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบปี 2563 ที่มียอดขายประกันโควิดทั้งสิ้น 9 ล้านกรมธรรม์ ขณะที่ในช่วงไตรมาส 1/64 มียอดขายรวม 1.3 ล้านกรมธรรม์
กว่า 20% ของคนติดเชื้อมีประกัน บริษัทต่างปรับกลยุทธ์
ทั้งนี้จากความเสี่ยงยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมที่สูงขึ้นทุกวัน เริ่มเห็นสัญญาณผลกระทบต่อแผนประกันโควิดแบบ “เจอจ่ายจบ” ซึ่งขณะนี้หลายบริษัทประกันที่ขายอยู่เริ่มประกาศยกเลิกขายรวมถึงการปรับเงื่อนไขความคุ้มครองใหม่ เนื่องจากประเมินแล้วจะส่งผลต่อความสามารถในการแบกรับความเสี่ยง ซึ่งจะกระทบต่อเงินสำรองของบริษัทตามมาได้
“ สถิติปีก่อนคนติดเชื้อโควิดทำประกันแค่ 10% เท่านั้น แต่ต้นปี’64 สถิติสูงขึ้นเป็น 15% และช่วงพีกในเดือน เม.ย. น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% ซึ่งปัจจุบันคนซื้อประกันโควิดเริ่มครบระยะเวลารอคอย 14 วัน (waiting period) ฉะนั้นช่วงนี้คนติดเชื้อมีโอกาสเข้ามาแจ้งเคลมประกันสูงขึ้นได้อีก ” นายอานนท์กล่าว
ไต่ระดับขึ้นค่าเบี้ยประกันโควิด
นายอานนท์กล่าวว่า หากยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมปรับตัวขึ้นไปถึงหลักแสนราย ประเมินว่าภาคธุรกิจอาจต้องเริ่มมาทบทวนขอปรับขึ้นค่าเบี้ยประกันโควิดกับทาง คปภ. ซึ่งหากยอดผู้ติดเชื้อยังอยู่ในระดับ 2 พันรายต่อวัน คาดว่าประมาณปลายเดือน พ.ค.ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมจะทะลุแสนราย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เห็นภาครัฐออกมาตรการคุมเข้มมากขึ้น ก็คาดหวังว่ายอดผู้ติดเชื้อน่าจะลดลงได้บ้าง
ทุบสถิติรวมกรมธรรม์ทะลุ 13.8 ล้านฉบับ
นายอาภากร ปานเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการสายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า จากข้อมูลอัพเดตล่าสุด ณ วันที่ 22 เม.ย. 64 พบว่ายอดขายประกันโควิดในระบบมีจำนวนทั้งสิ้น 13.8 ล้านกรมธรรม์ คิดเป็นเบี้ยประกันรับรวม 5,925 ล้านบาท โดยยอดเคลมประกันรวม 195 ล้านบาท แต่เฉพาะเดือน เม.ย. 64 ซึ่งมีการระบาดระลอก 3 อย่างรุนแรง ทำให้มียอดขายประกันโควิดสูงถึง 3.15 ล้านฉบับ โดยยอดเคลมประกันอยู่ที่ 24.6 ล้านบาท
ทั้งนี้ปัจจุบันมีบริษัทประกันภัยยื่นขอแบบประกันโควิดทั้งสิ้น 35 บริษัท แต่มีการเปิดขายจริงเพียง 23 บริษัท แยกเป็นบริษัทประกันวินาศภัย 16 บริษัท และบริษัทประกันชีวิต 7 บริษัท
ขณะเดียวกันก็เริ่มเห็นสัญญาณหลายบริษัทประกันทยอยเลิกขายแผนประกันโควิดแบบเจอจ่าย ซึ่งสามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาตจาก คปภ. เช่นเดียวกับการปรับเงื่อนไขความคุ้มครอง ลดวงเงิน “เจอจ่ายจบ” และเพิ่มความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและโคม่าแทน รวมถึงการขึ้นค่าเบี้ยประกัน โดยที่เป็นการปรับขึ้นเบี้ยที่ยังอยู่ในช่วงราคาที่ได้รับความเห็นชอบจาก คปภ.
คปภ.ชี้เคลมต่ำไม่ใช่เวลาขึ้นเบี้ย
นายอาภากรกล่าวต่อว่า ปัจจุบัน คปภ.ยังไม่ได้รับสัญญาณที่ภาคธุรกิจจะมาขอปรับขึ้นเบี้ยประกันโควิดรอบใหม่ เพราะถ้าประเมินเบี้ยประกันโควิดที่เข้ามาเกือบ 6 พันล้านบาท ภาคธุรกิจจ่ายเคลมประกันยังไม่ถึง 200 ล้านบาท ซึ่งถือว่ายังน้อยมาก ขณะที่สถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อรายวันก็เริ่มปรับตัวลดลงบ้างแล้ว
นอกจากนี้เมื่อช่วงต้นปี’64 คปภ.ออกคำสั่งนายทะเบียนให้บริษัทประกันพิจารณาส่วนลดเบี้ยประกันโควิด 20% ให้แก่ลูกค้าด้วยซ้ำ เพราะสะท้อนความเสี่ยงจากยอดเคลมที่ต่ำ ทำให้ปัจจุบันราคากรมธรรม์ที่ขายอยู่ในตลาดเป็นระดับที่ยังต่ำกว่าเพดานที่ คปภ.กำหนด
บางบริษัทยกเลิกเจอจ่ายจบ
นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เครือไทยโฮลดิ้งส์ (TGH) กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. 64 บริษัทอาคเนย์ประกันภัยได้เลิกขายประกันโควิดเจอจ่ายจบแผน 3 เบี้ยประกัน 778 บาท วงเงินความคุ้มครอง 1.5 แสนบาท และแผน 4 เบี้ยประกัน 1,037 บาท ความคุ้มครอง 2 แสนบาท พร้อมเตรียมจะออกแผนประกันโควิดใหม่ ซึ่งความคุ้มครอง “เจอจ่ายจบ” ยังมีอยู่ แต่ลดวงเงินความคุ้มครองเหลือ 5 หมื่นบาท จากเดิมที่เป็นหลักแสนขึ้นไป และมาเพิ่มผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาล และอาการแพ้วัคซีนตามความต้องการลูกค้า ซึ่งก็จะมีการปรับราคาเบี้ยประกันใหม่ด้วย ปัจจุบันพอร์ตลูกค้าประกันโควิด (เจอจ่ายจบ) ของบริษัทอยู่ประมาณ 5 แสนกรมธรรม์
และอีกเจ้าตลาดใหญ่ อย่างบริษัทวิริยะประกันภัย ระบุว่า บริษัทจะหยุดขายประกันโควิด-19 ซูเปอร์ชีลด์ แผน 2 เบี้ยประกัน 599 บาท วงเงินคุ้มครอง 1 แสนบาท ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 64 เนื่องจากมีลูกค้าสนใจซื้อเป็นจำนวนมาก จนเต็มความสามารถในการรับประกันต่อการจ่ายเคลมที่จะเกิดขึ้น
แหล่งข่าวจากบริษัทวิริยะประกันภัยกล่าวว่า ช่วงต้นเดือน พ.ค. บริษัทเตรียมออกแผนประกันโควิดใหม่ โดยยังคงมีความคุ้มครองเจอจ่ายจบ แต่ลดวงเงินเหลือหลักหมื่นเน้นเพิ่มค่ารักษาพยาบาล รวมถึงมีค่าชดเชยรายวัน ภาวะโคม่าและอาการแพ้วัคซีน เนื่องจากลูกค้าที่มีกำลังซื้ออยากขอเปลี่ยนเป็นแผนความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น เพราะกังวลสถานการณ์โควิด ทางโรงพยาบาลไม่มีเตียงรองรับต้องไปรักษาตัวในฮอสพิเทล ดังนั้นประชาชนจึงให้ความสนใจกับการซื้อประกันโควิดที่มีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น
เช่นเดียวกับบริษัทกรุงเทพประกันภัย แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. 64 เวลา 24.00 น.เป็นต้นไป บริษัทยุติการรับประกันภัยโควิด คอมพลีท แผน 1 เบี้ยประกันภัย 159 บาท, แผน 3 เบี้ยประกันภัย 459 บาท และแผน 4 เบี้ยประกันภัย 859 บาท ด้วยเหตุผลเพราะลูกค้าให้ความสนใจทำประกันภัยเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเกินจำนวนที่บริษัทกำหนดไว้ จึงจำเป็นต้องมีการปรับแผนการรับประกันภัย อย่างไรก็ตาม บริษัทยังจำหน่ายในส่วนแผน 2 เบี้ยประกันภัย 259 บาท
นอกจากนี้บริษัทสินมั่นคงประกันภัย ก็ออกประกาศระงับการขายประกันโควิดแบบเจอจ่ายจบทั้งหมด 4 แผนคือ 1.แผนความคุ้มครอง 20,000 บาท เบี้ยประกัน 99 บาท 2.แผนความคุ้มครอง 50,000 บาท เบี้ยประกัน 199 บาท 3.แผนความคุ้มครอง 100,000 บาท เบี้ยประกัน 399 บาท และ 4.ประกันภัยโควิดเจอจ่ายจบรวมการแพ้วัคซีน ซึ่งได้หยุดขายไปตั้งแต่ 22 เม.ย. 64
เทรนเจอจ่ายจบ ต้องปรับเปลี่ยนเพราะนิวโฮท์โควิดระลอกใหม่อาจจะทำให้ หลายบริษัทล้มละลายได้ และเกิดเป็นประกันรูปแบบใหม่ที่เพิ่มเติมด้านรองรับการแพ้วัคซีน และการปรับเบี้ยความคุ้มครองที่ต่ำลง แต่ยังคงหาซื้อประกันได้ง่ายด้วยระบบเว็บแอพพลิเคชั่นหรือจ่ายผ่านช้อปปิ้งออนไลน์ก็ง่ายด้วยแอพในมือถือ
เช็คสิทธิพื้นฐานการตรวจโควิดตามสวัสดิการของรัฐกันก่อน
ยอดสะสมผู้ได้รับวัคซีน ครบ 2 เข็ม ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2564 ยังไปไม่ถึง ล้านคน แม้จะใกล้เคียงอยู่ที่ 980,190 ในช่วงกลางปี ความเสี่ยงโควิดเมื่อเทียบเปอร์เซ็นต์จำนวนประชากรแล้วยังไปไม่ถึง 30% ของประชากรทั้งหมด ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ก็ยังไม่นิ่ง เฉลี่ยเข้าหลักพันคนต่อวัน ส่งสัญญาณว่าต้องยกระดับการดูแลตัวเอง และความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้นเพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของ “ไวรัสโคโรน่า” ถ้ากังวลใจมากให้มอง 2 เรื่องหลักๆ เรื่องการเข้ารับการตรวจและการรับการรักษาในกรณีที่คุณติดเชื้อโควิด โดยตัดเรื่องการกักตัวรักษาภายในบ้านออกไป เพราะวิธีนี้รัฐให้เหตุผลเรื่องการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไม่ได้ จึงต้องเข้ารับการรักษาเท่านั้น โดยมี 3 ช่องทางคือ รพ.ของรัฐหรือเอกชน และ รพ.สนาม และ Hospitel
-
- การรับการตรวจหาเชื้อโควิด
- การรับการรักษาเชื้อโควิด และค่าใช้จ่ายในการรักษา
- ค่ารักษาพยาบาลหากเจ็บป่วยหลังการฉีดวัคซีนโควิด
- รีวิวโรงพยาบาลสนามและโรงพยาบาล Hospitel
2.1 การรับการตรวจหาเชื้อโควิด
-
- กรณีมีประกันสังคมมาตรตรา 33-39-40 แล้วเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง มีประวัติใกล้ชิดผู้ติดเชื้อสามารถตรวจโควิดฟรี
- กรณีไม่มีประกันสังคม มาตรตรา 33-39-40 แล้วเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง มีประวัติใกล้ชิดผู้ติดเชื้อก็สามารถตรวจโควิดฟรี โดยสามารถ ตรวจสอบสถานพยาบาลเพื่อเข้ารับบริการตรวจได้เช่นเดียวกัน
- กรณีหากไม่มั่นใจอาการไม่ชัดเจน แล้วอยากตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยที่แพทย์ไม่ได้วินิจฉัยให้ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง
ถ้ารู้ตัวว่าเสี่ยงสูง อยู่ใกล้ชิดลงทะเบียนผ่านเว็บไซด์และทำตามขั้นตอน ในกรณีที่**ต้องตกอยู่ในสภาวะ “ความเสี่ยงสูง” เนื่องจากมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับ “ผู้ป่วยโควิด” ถือเป็นกลุ่มที่สามารถเข้ารับการ “ตรวจโควิดได้ฟรี” ในสถานพยาบาลที่มีสิทธิการรักษา โดยสามารถเช็คสิทธิการรักษาพยาบาลของตัวเองได้ที่เว็บไซต์ของ “สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ” หรือ “สปสช.” โดยสามารถทำตาม 3 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
1. เข้าเว็บไซต์ของ “สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ” หรือ “สปสช.” หรือ www.nhso.go.th
2. เลือกเมนู “ตรวจสอบสิทธิ” ระบบบริการตรวจสอบสิทธิประกันสุขภาพด้วยตนเอง ตามภาพด้านล่าง
3. กรอกข้อมูล เลขบัตรประจำตัวประชาชน และวันเดือนปีเกิด พร้อมระบุตัวอักษรด้านล่างเพื่อยืนยันตัวตน และกดตกลง จากนั้นระบบจะแสดงข้อมูลโรงพยาบาลที่เรามีสิทธิเข้ารับการตรวจในหน้าถัดไป
2.2 การรับการรักษาเชื้อโควิด และค่าใช้จ่ายในการรักษา
ถ้ากลุ่มเสี่ยงเข้ารับการคัดกรองแล้วพบว่า ติดเชื้อโควิด-19 และมีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน สปสช.ได้ทำข้อตกลงกับภาคเอกชนแล้วจะไม่มีการเรียกเก็บเงินจากผู้ป่วย แต่กรณีผู้ป่วยบางรายมีประกันสุขภาพเอกชนอาจจะต้องใช้ส่วนนั้นไปก่อน ส่วนการจ่ายชดเชยให้โรงพยาบาลเอกชนนั้น จะเป็นไปตามระบบ UCEP หรือรักษาฉุกเฉินเร่งด่วน ยืนยันจะจ่ายชดเชยให้ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน โดยครอบคลุมทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน แต่หากเตียงเต็มจะต้องมีการพิจารณาจากระดับความเจ็บป่วย เพื่อพิจารณาให้รับบริการในโรงพยาบาลที่เหมาะสม นโยบายการส่งต่อผู้ป่วย โควิด 19 ในกรุงเทพฯ จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม
กลุ่มสีเขียว
-
- จากการตรวจคัดกรองเชิงรุก Active Case Finding และจากระบบบริการ
- ไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ตาแดง ผื่นขึ้นถ่ายเหลว
- ส่วนใหญ่ส่งต่อเข้าโรงพยาบาลสนาม และ Hospitel
กลุ่มสีเหลือง (ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล)
-
- ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง แต่มีอาการเหนื่อยหอบ หายใจเร็ว
- มีความเสี่ยง/มีโรคร่วมที่สำคัญ ข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
-
- อายุมากกว่า 60 ปี
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (รวมโรคปอดอื่นๆ)
- โรคไตเรื้อรัง
- โรคหัวใจและหลอดเลือด (รวมโรคหัวใจแต่กำเนิด)
- โรคหลอดเลือดสมอง
- เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้
- ภาวะอ้วนที่มีน้ำหนักมากกว่า 90 กิโลกรับ
- ตับแข็ง
- ภูมิคุ้มกันต่ำ (เซลล์เม็ดเลือดขาวต่ำกว่า 1,000 cell/mms)
กลุ่มสีแดง (ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล)
-
- หอบเหนื่อย หายใจลำบาก X-ray พบปอดอักเสบรุนแรง
- มีภาวะปอดปวม (ความอิ่มตัวของเลือดน้อยกว่า 96% หรือ ความอิ่มตัวของเลือดลดลงมากกว่า 3% ของค่าที่วัดได้ครั้งแรกหลังออกแรง (Exercise – induced Hyoixemia) การคัดแยกผู้ป่วยขณะนี้มีผู้ป่วยกว่า 600 คน อยู่ในการดูแลแล้ว หากผู้ป่วยเพิ่มเป็น 1,000 คน ก็จะต้องจัดระบบเพื่อจัดหาเตียงให้ต่อไป
ค่าใช้จ่ายในการรับการรักษา
พญ.กฤติยา กล่าวต่อว่า กรณีผู้ป่วยนอก (OP) จะจ่ายค่าห้องปฏิบัติการ (Lab) ค่าเก็บตัวอย่าง ค่าใช้จ่ายในกรณีที่มียารักษาเฉพาะผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด-19 หรือค่ารถส่งต่อระหว่างหน่วยบริการ บ้าน ค่าด่านตรวจคัดกรอง State Quarantine สำหรับกรณีผู้ป่วยใน (IP) จะมีการจ่ายชดเชย ค่า Lab ค่ายารักษา และที่สำคัญคือ ค่าชุด PPE หรืออุปกรณ์ป้องกันการแพร่กระจ่ายเชื้อ จะมีการจ่ายชดเชยตามจริงให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้เข้าไปสัมผัสผู้ติดเชื้อ
ขณะที่ค่าห้องนั้น ถ้าจำเป็นต้องรักษาในห้องความดันลบ (Negative Pressure) สปสช. จะจ่ายชดเชยให้ 2,500 บาทต่อวัน ส่วนค่าหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ เช่น โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel หากโรงพยาบาลเห็นว่า มีความจำเป็นต้องย้ายผู้ป่วยไปรักษาตัวยังสถานที่นั้นๆ จะมีการจ่ายชดเชยให้ไม่เกิน 1,500 บาทต่อคนต่อวัน รวมไปถึงค่ารถส่งต่อผู้ป่วยไปยังจุดต่างๆ ด้วย
พญ.กฤติยา กล่าวอีกว่า เนื่องจากโควิด-19 เป็นโรคเจ็บป่วยฉุกเฉิน และเป็นภาระต่อประชาชนในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง อยากจะให้ความมั่นใจว่า ถ้าทำตามคำแนะนำของแพทย์ หรือหน่วยบริการนั้นๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่มเติม ในกรณีที่มีปัญหาผู้ใช้สิทธิบัตรทอง รวมไปถึงผู้เข้าเกณฑ์ทุกอย่างแล้วยังถูกเรียกเก็บค่าบริการ ให้สอบถาม-แจ้งเพิ่มเติมได้ที่โทร. 1330
ด้าน พญ.ปฐมพร ศิรประภาศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ตามขั้นตอนแล้วการหาเตียงจะเริ่มจากโรงพยาบาลที่เข้าตรวจ ถ้าเตียงเต็มก็จะเป็นเตียงของโรงพยาบาลเครือข่ายของโรงพยาบาลนั้นๆ ในกรณีที่เตียงโรงพยาบาลเครือข่ายเต็มอีก จะมีการหาเตียงข้ามเครือข่าย ซึ่งมีศูนย์เอราวัณทำหน้าที่เป็นศูนย์บริหารจัดการเตียง ส่วนจะได้นอนที่โรงพยาบาล หรือโรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย
อย่างไรก็ตาม จะมีการตรวจคัดกรองและเอกซเรย์ปอดก่อนเสมอ ถ้าผลการเอกซเรย์ออกมาว่า มีข้อสงสัยภาวะปอดอักเสบ ผู้ป่วยจะได้เข้ารับการรักษาตัวโรงพยาบาล ส่วนกรณีไม่มีข้อสงสัย อาการน้อย สุขภาพดี อายุน้อยกว่า 50 ปี และไม่มีโรคประจำตัว ผู้ป่วยถึงจะสามารถเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel ซึ่งจะมีแพทย์และพยาบาลดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
พญ.ปฐมพร กล่าวต่อว่า สำหรับคลินิกเอกชนที่ตรวจคัดกรองจะต้องมีโรงพยาบาลจับคู่กัน เพื่อให้แน่ใจได้ว่า หาเตียงได้ การเข้าตรวจต้องเข้าตรวจอย่างถูกวิธีและจะต้องช่วยดูแลให้สามารถหาเตียงได้ ทั้งนี้ อยากเชิญชวนประชาชนสามารถลงทะเบียนหาเตียงผ่านแอปพลิเคชันไลน์ (LINE) โดยเพิ่มเพื่อน @sabaideebot (สบายดีบอต) ซึ่งจะเป็นโปรแกรมอัตโนมัติในการจัดระบบข้อมูล บันทึกประวัติสุขภาพ ให้คำแนะนำ ตลอดจนมีฐานข้อมูลเฝ้าระวังโรค ซึ่งประชาชนสามารถบันทึกความเสี่ยงได้ และข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปยังฐานข้อมูลที่สัมพันธ์กับการจัดหาเตียงด้วย.
2.3 ค่ารักษาพยาบาลหากเจ็บป่วยหลังการฉีดวัคซีนโควิด (จะได้รับเงินจากสปสช. ใน 5 วันทำการ นับจากวันที่อนุกรรมการรับเรื่อง) แบ่งเป็นกรณีดังนี้
-
- บาดเจ็บ / เจ็บป่วยต่อเนื่อง ได้รับเงินไม่เกิน 1 แสนบาท
- เสียอวัยวะ /พิการ ได้รับเงินไม่เกิน 2.4 แสนบาท
- ตาย / ทุพพลภาพถาวร ได้รับเงินไม่เกิน 4 แสนบาท
ค่าประกันบุคลากรทางการแพทย์ของภาครัฐและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ COVID-19
-
- กรมธรรม์คุ้มครองการเสียชีวิต ระยะเวลาคุ้มครอง 2 เดือน นับตั้งแต่วันที่แจ้งรายชื่อ จำนวนเงินความคุ้มครอง 1,000,000 บาท
- กรมธรรม์คุ้มครองภาวะโคม่าอันเนื่องมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะเวลาคุ้มครอง 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่แจ้งรายชื่อ จำนวนเงินความคุ้มครอง 1,000,000 บาท
- กรมธรรม์คุ้มครองผลประโยชน์กรณีตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะเวลาคุ้มครอง 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่แจ้งรายชื่อ จำนวนเงินความคุ้มครอง 10,000 บาท และกรณีเสียชีวิต จากอุบัติเหตุ จำนวน 10,000 บาท
2.4 รีวิวโรงพยาบาลสนามและโรงพยาบาลHospitel
จากภาพเป็น รพ.สนามที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงเป็นไปได้ยากสำหรับผู้ติดเชื้อรุนแรง ที่ยังมีกิจวัตรประจำวันแบบปกติ อย่างเช่น การทำงานในรูปแบบออนไลน์ หรือ กิจกรรมอื่นๆระหว่างวัน ทำให้คนกลุ่มวัยทำงานไม่อยากเลือกรับบริการในโรงพยาบาลสนามแต่เลือกเป็น Hospitel แทนแต่ค่าใช้จ่ายก็จะสูงมาก ว่ากันว่ามีราคาสูงถึง3-4 หมื่นบาท/คน หากมีประกันที่ครอบคลุม Hospitel จะช่วยผู้ที่ติดเชื้อได้แน่นอน
สังเกตุอาการตัวเอง กับตรวจสอบข้อมูลประกันสังคมที่ตนถืออยู่ เพื่อเลือกรูปแบบการรับบริการตรวจโควิด ถ้าคุณติดโควิด ค่าใช้จ่ายในการตรวจและรักษาภายใต้โรงพยาบาลรัฐจะได้รับการรักษาฟรี แต่หากรพ.รัฐเตียงเต็ม คุณอาจจะต้องได้รับการรักษาด้วยรพ.สนาม หรือเลือกรอการจัดหาเตียง ซึ่งการอยู่รพ.สนามอาจะทำให้คุณตัดขาดการทำงานเพราะพื้นที่ไม่ได้รองรับ แต่หากคุณมีประกันก็เพิ่มทางเลือกในการรับบริการการรักษาที่รพ.เอกชนหรือรพ.Hospitel ได้ โดยรัฐจะช่วยจ่ายภายใต้อัตราที่กำหนด โดยมี 16 หมวด และไม่ครอบคลุมทุกรายการ แต่รัฐบาลจะเพิ่มค่าใช้จ่ายให้โรงพยาบาลเอกชน ร้อยละ 25 ใน 16 หมวดข้างต้น
ถ้าเลือกทำประกัน คำนิยามแต่ละแบบคืออะไร ถ้าเราจะเคลมต้องมีอะไร
จากข้อมูลข้างต้น ชาวSummerTeas จะเห็นภาพ ข้อจำกัดและเงื่อนไขการรับการรักษาในโรงพยาบาลในแต่ละประเภท ทั้งนี้ จะชวนลงมาสำรวจในรายละเอียด ที่ช่วยให้เลือกรูปแบบประกันภัยที่ตอบโจทย์วัยทำงานอย่างเรามากที่สุด ซึ่งเราควรมองหาเรื่องความครอบคลุมในการรักษากรณีติดเชื้อโควิด และ กรณีหากรับวัคซีนแล้วมีความเจ็บป่วย หรือถ้าไม่รับวัคซีนติดเชื้อซ้ำๆจะทำอย่างไร โดยเราทำเป็นช่องให้คุณเลือกเส้นทางพิจาณารูปแบบประกันที่สอดคล้องกับคุณ
ปัจจัยต่างๆในประกันภัยที่อยากให้คุณพิจารณา จากหลากหลายกลุ่มบริษัท
-
- ประเภทผู้ป่วยประเภทนอก / ใน ครอบคลุมรพ.สนาม-Hospitel หรือไม่
- ความคุ้มครองในภาวะโคม่า อยู่ที่เท่าไหร่
- การชดเชยรายได้ ภายใต้การรักษาในโรงพยาบาล ประเภทใด
- ค่ารักษาพยาบาล ในรูปแบบผู้ป่วยประเภทใด ครอบคลุมรพ.สนาม-Hospitel หรือไม่
- ใหม่ ความคุ้มครองเสริม
- การชดเชยรายได้หากแพ้วัคซีน ในรูปแบบผู้ป่วยใน ครอบคลุมระหว่างสังเกตอาการหรือไม่
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆเพื่อพบแพทย์หลังการรักษาการติดเชื้อ
- ค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อโควิด สำหรับบุคคลในครอบครัวของผู้ร่วมประกันภัย
- ค่าชดเชยรายวัน / เดือน เพื่อทราบจำนวนวันสูงสุด
- ความคุ้มครองเพิ่มเติม เรื่องค่าทำความสะอาด
เงื่อนไขส่วนบุคคล ที่จะส่งผลกับวันเวลาที่จะซื้อ ตัวอย่างเช่น
-
- กรมธรรม์นั่นผูกกับรพ.คู่สัญญาไว้หรือไม่ เพราะส่งผลกับการสำรองจ่ายก่อนหลังเคลม
- ประวัติการติดเชื้อโควิด | ระหว่างการตรวจเชื้อ | ก่อนวันที่ประกันมีผลคุ้มครอง
- ประวิติความเสี่ยงก่อนการทำประกันภัย เช่น มีการเดินทางไปหรือกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง
- ความคุ้มครองเรื่องการแพ้วัคซีน รุ่นใด เฉพาะวัคซีนในไทยหรือทุกยี่ห้อ
- อาชีพของผู้ทำประกันมีความเสี่ยงสูงหรือไม่
- สัญชาติของบุคคลและการพำนักอยู่ในประเทศ
- จำนวนกรมธรรม์ต่อบุคคล บางโบรคเกอร์มีเงื่อนไขจำกัดจำนวนกรมธรรม์ในการซื้อ
คำถามที่พบบ่อยในการซื้อประกัน
1.สรุปรูปแบบประกันภาพรวมให้เข้าใจง่าย
-
- คุ้มครองเฉพาะการตรวจเจอเชื้อเพียงอย่างเดียว ไม่มีค่ารักษาพยาบาล
- คุ้มครองทั้งการตรวจเจอเชื้อ และให้ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งเงินชดเชยกรณีเจ็บป่วยด้วยภาวะโคม่าหรือเสียชีวิต
- คุ้มครองทั้งการตรวจเจอเชื้อ และให้ค่ารักษาพยาบาลเฉพาะกรณีแพ้วัคซีน
- คุ้มครองทั้งการตรวจเจอเชื้อ และให้ค่าชดเชยรายวันกรณีนอนโรงพยาบาล แต่ไม่มีค่ารักษาพยาบาล
- คุ้มครองทั้งการตรวจเจอเชื้อ และประกันอุบัติเหตุ กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพ
2.ระยะเวลารอคอยอะไร
คือ ระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง ถึงแม้จะเจ็บป่วย เป็นโรคที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ก็จะไม่สามารถเคลมในช่วงเวลาดังกล่าวได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากคนที่รู้ตัวว่าป่วยเป็นโรคแล้วไม่ยอมเข้ารับการรักษา โดยมาซื้อประกันเพื่อเบิกค่ารักษานั่นเอง
3.มีประกันโควิดอยู่แล้ว แต่ไม่ครอบคลุมการแพ้วัคซีน มีซื้อเพิ่มเฉพาะแพ้วัคซีนไหม
มีแล้วเพียงค้นหา ด้วยคำว่า”ประกันแพ้วัคซีนโควิด-19″ มีทั้งแบบชเเชยรายวันและโคม่าให้คุณได้เลือกรับเงินก้อนได้ตามใจชอบ
4.ซื้อประกันโควิด – 19 มากกว่า 1 กรรมธรรม์ได้หรือไม่
กรณีอาคเนย์แผนเจอ จ่าย จบ COVID 519ผู้เอาประกันซื้อได้สูงสุดวงเงินรวมกันไม่เกิน 200,000 บาท (ทุกโบรกเกอร์และทุกช่องทางการขายรวมกัน)
กรณีอาคเนย์แผนเจอ จ่าย รวมแพ้วัคซีน ได้แก่ COVID 369, COVID 639, COVID 799 และ COVID 1369ผู้เอาประกันภัยสามารถซื้อได้ 1 ท่าน ต่อ 1 กรมธรรม์เท่านั้น
กรณีของเอเชียประกันภัยผู้เอาประกันสามารถทำประกันภัยได้ไม่เกินคนละ 2 กรมธรรม์ หรือนับที่ทุนประกันภัยรวมกันไม่เกิน 3,000,000 บาท แล้วแต่ข้อใดถึงก่อน
กรณีของวิริยะประกันภัยผู้เอาประกันภัยสามารถซื้อได้ 1 ท่าน ต่อ 1 กรมธรรม์เท่านั้น
5.ประกันโควิด-19 ในปัจจุบัน มีความคุ้มครองทั้งหมดกี่ด้าน?
ประกันโควิด-19 โดยทั่วไปจะมีความคุ้มครอง 4 ด้าน คือ
-
-
- ตรวจเจอเชื้อ จ่ายเงินก้อน
- ค่ารักษาพยาบาล
- เงินชดเชยกรณีรักษาตัวในโรงพยาบาล
- คุ้มครองกรณีแพ้วัคซีน
-
ซึ่งแต่ละแผนจากแต่ละเจ้าประกันจะมี ความคุ้มครองแตกต่างกันไป ครบ 4 บ้าง ไม่ครบบ้าง แต่สำหรับแผนประกันของเอเชีย วิริยะ และอาคเนย์ เป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่เจ้าที่มีครบทั้ง 4 ด้าน
6.หากเป็นผู้ถูกวินิจฉัยว่าจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อนทำกรมธรรม์และยังไม่ได้รักษาให้หายขาดสามารถทำประกันโควิดได้หรือไม่
ไม่สามารถทำได้ หากมีการถูกวินิจฉัยว่ามีการติดเชื้อโควิด-19
7.หากมีประกันสังคม หรือประกันสุขภาพอยู่แล้ว มีความจำเป็นต้องทำประกันโควิดเพิ่มเติมหรือไม่
ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เอาประกันภัยครับ โดยประกันโควิด-19 จะช่วยเพิ่มความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลให้สูงขึ้นและผลประโยชน์จากการตรวจเจอไวรัสโควิด-19 รวมไปถึงการชดเชยรายได้เพิ่มเติมนอกเหนือไปจากประกันสังคม และประกันสุขภาพที่มีอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขรายละเอียดทั้งหมดของแต่ละกรมธรรม์ เป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด โดยส่วนใหญ่ประกันโควิด 19 แบบเจอ จ่าย จบ ณ ปัจจุบัน จะเน้นให้เงินก้อนเพียงครั้งเดียวเมื่อตรวจพบเชื้อ และมักไม่ได้ให้ค่ารักษาพยาบาลพ่วงมาด้วย แต่ก็มีบางกรมธรรม์ที่ให้ค่ารักษาพยาบาลเป็นหลัก ให้เงินชดเชยรายได้เมื่อต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล (IPD) รวมทั้งประเภทที่คุ้มครองการแพ้วัคซีน หรือถ้าใครต้องการให้ครอบคลุมโรคอื่น ๆ นอกจากโควิด-19 ด้วย ซึ่งไม่ว่าจะเลือกทำประกันแบบไหน อย่าลืมศึกษาเงื่อนไขและยกเว้นต่าง ๆ ให้ละเอียดครบถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อด้วย
ซื้อแล้วตอนเคลมเป็นอย่างไร รีวิวเรื่องเล่าจากของจริงและชาวเนต
ประกันโควิดในท้องตลาดที่มีอยู่ปัจจุบันหาซื้อได้ง่ายมาก ทั้งโดยตรงจากทางเว็บไซด์หรือชำระผ่านช่องทางอื่นๆเช่น แอพช้อปปิ้งออนไลน์เจ้าดังๆ เป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงง่ายและช่วยลดความให้คุณได้ แต่อย่าลืมว่าหากคุณได้ซื้อไปแล้วได้ใช้สิทธิความคุ้มครองก็ต้องเตรียมตัว เตรียมหลักฐานให้เพร้อมเพราะบางเจ้าการส่งเอกสารก็เป็นเรื่องยากจนไม่ถูกใจกันตอนขอเคลมนี่แหละจ้า SummerTeasจึงพามาตรวจสอบข้อสงสัยในข้อเกี่ยวเนื่องต่างๆในการเคลมระหว่างที่คุณเจ็บป่วยและเตรียมตัวหลังได้รับการรักษาแล้วดังนี้
-
- คำถามที่พบบ่อยในการเคลมประกัน
- รวมรายชื่อ Hospitel ล่าสุด มีให้บริการที่ไหนบ้าง
- ขั้นตอนการเคลมประกัน
- รีวิวชาวเนต
4.1 คำถามที่พบบ่อยในการเคลมประกัน
1.รพ.ทั่วไปเตียงเต็ม ต้องไปนอน รพ.สนามหรือ Hospitel เคลมได้มั้ย ?
หลังจากตรวจพบเชื้อก็อย่าเพิ่งกังวลใจไปนะคะ อันดับแรกทาง รพ. ที่เราไปตรวจจะต้องประสานงานจัดหาเตียงให้ หากต้องแอดมิตรพ.เอกชนแล้วพบว่าเตียงเต็มก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีที่รักษานะคะ เพราะล่าสุด คปภ. ได้ออกคำสั่งใหม่มาแล้วว่าผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่เข้ารับการรักษาตัวในรพ.สนามและ Hospitel ให้ถือว่าเป็น “ผู้ป่วยในและสามารถเคลมประกันโควิดได้” เฉกเช่นเดียวกับการรักษาตัวใน รพ.ทั่วไปนั่นเองค่ะทุกคน
2.ตรวจพบเชื้อ รพ.ไหน จำเป็นต้องแอดมิต รพ. นั้นหรือไม่ ?
ตรวจเจอเชื้อที่รพ.รัฐ – หากมีประกันโควิดหรือประกันสุขภาพ สามารถขอเอกสารยืนยันการติดเชื้อเพื่อย้ายไป รพ.เอกชนได้ค่ะ หากมีเตียงว่างก็แอดมิตได้เลย แต่หากเตียงเต็มจะถูกโยกไปยัง Hospitel นั่นเองค่ะ
ตรวจเจอเชื้อที่รพ.เอกชน – หากมีประกันโควิดหรือประกันสุขภาพก็เช็คสิทธิ์ของตัวเองกันได้เลยค่ะว่ามีสิทธิ์รักษา รพ.ที่ตรวจพบเชื้อมั้ย ? ถ้าได้ก็แอดมิตได้เลย แต่หากไม่ใช่ รพ.คู่สัญญาของบริษัทประกันที่ถืออยู่ ก็มีความจำเป็นต้องย้ายไป รพ.ใหม่ที่ใช้สิทธิ์ได้ หรือถ้าอยากได้ความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นก็แสดงความจำนงขอไปรักษาแบบ Hospitel ก็ทำได้เช่นกันค่ะ แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ จะเคลมได้หรือไม่ในทุกเคสที่กล่าวถึง ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทประกันด้วยนะคะ เรามาดูหัวข้อถัดไปเพื่อตอบคำถามกันเลยค่ะ
4.2 รวมรายชื่อ Hospitel ล่าสุด มีให้บริการที่ไหนบ้าง ? คลิ๊กลิ้งค์จองได้เลย!
-
-
- รร. โอโซน โฮเต็ล แอท สามย่าน 40 เตียง (รพ.วิภาราม)
- รร. รอยัล รัตนโกสินทร์ 150 เตียง (รพ.ปิยะเวท)
- รร. อินทรา รีเจ้นท์ 455 เตียง (รพ.ปิยะเวท)
- รร. สินศิริ รามอินทรา 69 เตียง (สินแพทย์ เสรีรักษ์)
- รร. ชีวา 75 เตียง (รพ.กรุงเทพ)
- รร. พูลแมน กรุงเทพฯ แกรนด์ สุขุมวิท 324 เตียง (รพ.ธนบุรี)
- รร. สินสิริ 1 จำนวน 52 เตียง (รพ สินแพทย์)
- รร. สินสิริ นวมินทร์ (รพ สินแพทย์)
- รร. ฌอกะเชอ 200 เตียง (รพ.เกษมราษฎร์อินเตอร์)
- รร. มาเลเซีย (รพ.สุขุมวิท)
- รร. โซรีเทร์ สุขุมวิท (รพ.ในเครือเกษมราษฎร์)
- รร. คิงส์ตั้นสวีทส์ (รพ.ในเครือเกษมราษฎร์)
- รร. รอยัล เพรสซิเด้นท์ (รพ.ในเครือเกษมราษฎร์)
- ฮอลิเดย์อินน์ มาบุญครอง (รพ.ในเครือเกษมราษฎร์)
- รร. Justice (รพ.ในเครือเกษมราษฎร์)
- รร. Court wing (รพ.ในเครือเกษมราษฎร์)
- รร. ริชมอนด์ (รพ.ในเครือเกษมราษฎร์)
- รร. บันดารา (รพ.ในเครือเกษมราษฎร์)
- รร. โอทู ลักซ์ชัวรี่ (รพ.จุฬารัตน์ 3 อินเตอร์)
- รร. อนันดา กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท (รพ.บำรุงราษฎร์)
- รร. เดอะกรีนวิว (รพ.บางปะกอก9)
- รร. เดอะเมเปิล (รพ.สินแพทย์ ศรีนครินทร์)
- รร. เวิร์ฟ โฮเต็ล (รพ.เมดพาร์ค)
- รร. แกรนด์ ทาวเวอร์ อินน์ สาทร (รพ.เลิดสิน)
- รร. โนโวเทล กรุงเทพ ฟินิกซ์ เพลินจิต (รพ.สมิติเวช สุขุมวิท)
-
4.3 ขั้นตอนการเคลมประกัน
เรื่องเอกสารเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการเคลม ผู้ทำประกันควรจัดเตรียมข้อมูลให้พร้อมระหว่างทำการรักษาและ วันเวลาในการยื่นเรื่องขอเคลม เพราะทุกบริษัทจำกัดระยะเวลาการเคลม เช่น ภายใน30 วัน จะไม่สามารถขอรับเงินความคุ้มครองได้ ซึ่งมีขั้นตอนการเตรียมตัวและเอกสาร ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 : ติดต่อบริษัทประกันที่คุณทำประกันภัยโควิด-19 ไว้ ซึ่งจะเป็นทางช่องทางออนไลน์ หรือเบอร์โทรศัพท์ก็ได้เช่นกัน
ขั้นตอนที่ 2 : เตรียมเอกสารสำหรับการเคลมให้พร้อม โดยเอกสารที่ต้องเตรียมมี ดังนี้
-
-
- กรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ซึ่งจะได้รับหลังจากการสัญญาทำประกันภัยเรียบร้อยดีแล้ว โดยภายในกรมธรรม์จะระบุถึงรายละเอียดสำคัญต่างๆ อาทิ รายละเอียดความคุ้มครอง ชื่อผู้เอาประกัน หรือชื่อผู้รับผลประโยชน์
- แบบฟอร์มการเรียกร้องค่าสินไหมจากบริษัทประกันที่คุณตกลงทำประกันภัยโควิด
- ใบรับรองแพทย์ตัวจริงที่วินิจฉัยว่าผู้เอาประกันภัยมีการเจ็บป่วยด้วยโรคโควิด-19
- ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ตรวจพบเชื้อโคโรนาไวรัส–โควิด-19 (Novel- Coronavirus หรือ 2019-CoV)
- สำเนาหน้าบัตรประชาชนของผู้เอาประกันภัย
- สำเนาหน้าบัตรประชาชนของผู้รับผลประโยชน์
- สำเนาหน้าบัญชีธนาคารประเภทออมทรัพย์ของผู้เอาประกันภัย
- ใบเสร็จค่ารักษา หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งเกิดจากการเจ็บป่วยด้วยเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 ตัวจริง
-
หมายเหตุ : กรณีที่ทำประกันภัยโควิด-19 ไว้หลายกรมธรรม์และจำเป็นต้องใช้ใบรับรองแพทย์ และใบเสร็จค่ารักษาหลายฉบับ คุณไม่สามารถทำการคัดลอกได้เอง ต้องขอสำเนาจากโรงพยาบาล และมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเซ็นรับรองให้เท่านั้น
ขั้นตอนที่ 3 : ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร
ตรวจสอบชื่อผู้เอาประกัน ชื่อผู้รับผลโยชน์ หมายเลยบัตรประชาชน วัน เดือน ปีเกิด รายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขต่างๆ ว่าถูกต้องหรือไม่เพื่อเป็นรักษาผลประโยชน์ให้กับตัวคุณเอง หรือครอบครัวของคุณ อีกทั้งยังช่วยให้หน้าที่ของบริษัทประกันภัยทำงานได้เร็วขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนเร็วขึ้น
ขั้นตอนที่ 4 : ส่งเอกสารให้กับบริษัทประกันภัย
สำหรับขั้นตอนนี้สามารถจัดส่งเอกสารสำหรับเคลมประกันได้หลากหลายรูปแบบ อาทิ ไปรษณีย์ หรือบริการขนส่งเอกสารอื่นๆ อาจจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด และควรทำใบปะหน้าที่ระบุรายชื่อเอกสารทั้งหมดที่ส่งแนบไปด้วยเพื่อป้องกันเอกสารหล่นหาย
ขั้นตอนที่ 5 : รอรับเงิน
หลังจากที่เอกสารได้รับการตรวจสอบเรียบร้อย บริษัทผู้รับประกันจะดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ ซึ่งจะได้เงินช้าหรือเร็วแล้วก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอน และเงื่อนไขของแต่ละบริษัท โดยส่วนใหญ่จะใช้เวลาภายใน 7–30 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ทางบริษัทฯ ได้รับเอกสารประกอบการพิจารณาค่าสินไหมทดแทนครบถ้วน
หมายเหตุ : หลังจากที่รับเงินค่าสินไหมทดแทนเรียบร้อยแล้วอย่าลืมตรวจทานมูลค่าเงินด้วยว่าครบถ้วนตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์หรือไม่ และกรณีที่ไม่ถูกต้องให้รีบแจ้งตัวแทน หรือบริษัทผู้รับประกันทันที เพราะหากปล่อยทิ้งไว้จนเกินระยะเวลาที่กำหนดไว้อาจทำให้คุณไม่สามารถไปขอเงินส่วนที่ขาดได้ ดังนั้นจงรักษาสิทธิประโยชน์ของตัวเอง และครอบครัวให้ดี
4.4 รีวิวผู้ซื้อประกัน
ตัวอย่าง ผู้เสียหายกล่าวเรื่องการเบิกเคลมยุ่งยากรอเอกสารระหว่างรักษาไม่ได้ ต้องรอจนกว่าจะออกโรงพยาบาลทำให้เสียเวลาจัดการภายหลัง ทั้งที่ระหว่างรักษาตัวมีเวลาดำเนินการและป่วยจริง ข้อมูลอ้างอิงในช่วงหลังมีผู้ซื้อประกันโดยเจตนาจงใจติดเชื้อโควิดเพื่อการลงทุนรับเบี้ยประกัน และฉกฉวยโอกาสทางธุรกิจเพื่อการสร้างรายได้สามารถถูกดำเนินคดีได้ บางโบรคเกอร์จึงจำกัดจำนวนกรมธรรม์ในการซื้อ
ภาพและข้อมูลทั้งหมดที่เราชาว SummerTeas ได้รวบรวมให้ผู้อ่านพิจารณา ประกันในท้องตลาดและเห็นภาพรวม ของประกันแต่ละแบบ โดยอย่าลืมพิจารณาเงื่อนไขเฉพาะบุคคลอย่างเช่น เงื่อนไขตามสิทธิประกันตนที่มีอยู่เดิมจากภาครัฐ เงื่อนไขจากลักษณะงานที่ทำประจำอยู่ และรูปแบบการใช้ชีวิตเป็นครอบครัวเล็กหรือใหญ่ และขาดไม่ได้เรื่องความสะดวกสบายในการเคลม ให้สัมพันธ์กับเงินในกระเป๋าของคุณแบบสำรองจ่ายก่อนหรือเลือกประกันโดยพิจารณาจากโรงพยาบาลคู่สัญญาที่ใกล้บ้านคุณ เผื่อไว้ในอนาคตเบิกจ่ายเคลมได้สะดวกไม่ต้องสำรองจ่ายซึ่งเป็นเงื่อนไขที่คุณควรพิจารณาให้สอดรับกับยุคเศรษฐกิจนี้เช่นกันค่ะ จะช่วยให้การซื้อประกันโควิดคุ้มค่าอย่างสูงสุด